Saturday, September 1, 2012

สิ่งที่เห็นเป็นสิ่งที่มีหรือคือแค่เห็น...

ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยงปร้างกลางแดนลานสถานจอดนานายานพาหนะทางอากาศ...
อยู่กับความอดทนได้ดี
มีความยืดหยุ่นสูง
แดนดงเจียรไนมนุษย์ ทั้งภายใจภายนอก
สักขีพยานแห่งการทำความดี
มองวันวุ่นวายที่ไม่ไช่ไม่ปกติ...

    จากเจ้าวันหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าได้ลากสังขารไปยังจุดหมาย... มหาวิทยาลัย!!! ที่นี่แรกเริ่มเดิมถึงก็ย่างเดินเข้าไปยังห้องบริการสถานอันเรียกว่า 'Buddhist Department Office' สถานีบริการหลายหลากปัญหานานามี วันนี้เราเองก็มีกิจการงานอันต้องทำคือติดต่อของเอกสารการยืนยันตัวตนว่าเราเป็นนักศึกษาของที่นี่จริง และอีกงานนั้นก็คือการกรอกฟอร์มเพื่อขอเข้าสอบประจำปี และวันนี้เองเป็นวันสุดท้ายของการต้องทำให้เสร็จมิเช่นนั้นจะต้องเสียค่าปรับวันละ ๓๕ รูปี ฉะนั้นทันทีที่มาถึงหลังจากได้รับเอกสารชิ้นแรกสำเร็จก็เป็นอันต้องดำเนินการงานกรอกฟอร์มขอเข้าสอบ ที่นี่การทำงานก็ดูวุ่นวายแต่่เป็นปกติของที่นี่ ไม่มีคิวไม่มีแถว มีแต่ใครดีใครได้ใครไวคนนั้นก่อน หลังจากเสร็จงานอันดูแสนจะวุ่นวายของออฟฟิศแล้ว เราก็เดินจรลีปรี่ไปตรงการจ่ายเงินเพื่อขอเข้าสอบในวิชาที่ตกค้างจากปีที่แล้ว ซึ่ง

Monday, February 6, 2012

หรืออย่างไร?

วันนี้...ชีพมีอันข้องแวะและเวียนวนไปจนสองตาพากันกระทบข้อความจำนวนหนึ่งซึ่งทะลุสู่สมองและจิตส่วนรับรู้ว่า วัดแห่งหนึ่งถูกกลุ่มโจรจำนวนหนึ่งบุกปล้นในยามวิการ พรากทรัพย์สินไปล้านกว่าๆ อ่านแล้วชวนให้คิดว่า เออนะ...นี่ไงทำไมองค์พระสัมมาถึงทรงนโยบายห้ามสะสมทรัพย์ภายนอกซึ่งหลอกลวงและถูกพรากไปได้ ควรสั่งสมทรัพย์ภายในซึ่งแม้น้ำจะไหลไฟจะบุกรุกเร้าโจมกระหน่ำสักเท่าไรก็ไม่อาจแย่งชิงไปได้เลย แต่สิ่งที่เห็นอยู่ในยามนี้กลับเป็นตรงกันข้าม ผู้คนที่ต่างบอกว่ามีศรัทธาต่างหามสิ่งที่สังคมนิยมชมชอบว่ามีค่ากลับเข้ามาไว้ในเขตแดนอันควรจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คอยชำระล้างอกุศลทั้งทางกายทางจิตให้ผ่องแผ้ว แต่กลับกลายเป็นว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ส่อให้ก่ออกุศลกรรมเสียเองแล้ว มันสายไปหรือที่ใครเขาเรามวลท่านต่างพากันวุ่นวนสาละวันอยู่แต่หาของดีๆ แล้วนำมากองไว้ให้ใครคอยทุบทำลาย ไม่ใช่ไม่ดีแต่เห็นทีว่าถ้าไม่มีนาที่ดีแล้วต้นข้าวหรือกล้าแห่งบุญกุศลจะเจริญงอกงามไพบูลย์ได้อย่างไร คงเป็นเพราะสิ่งที่เกิดมาล้วนต้องยุ่งเหยิงวุ่นวนดอกกระมัง สิ่งเหล่านี้จึงยังวนเวียนและข้องแวะมาแสดงตัวต่อคืนวันอยู่มิขาด จึงไม่แปลกใจเลยที่จะมีเนื้อที่ให้เก็บเกี่ยวกุศลกันน้อยลงไป เพราะแม้กระทั่งสถานที่ปลูกสร้างและบ่มเพาะสิ่งเหล่านั้นกลับไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเพียงพอ ไม่นอนไม่ใช่แค่การรักษาภายนอกหรอกหนาที่จะเยียวยาและยืดอายุของสถานแดนถิ่นแบบนี้ไว้ได้ แต่ควรจะปลูกปักรักษาเสียแต่ภายในเหมือนกับการปิดประตูเมืองแล้วก็ไม่ต้องนั่งคอยระวังโจรภัยนั่นเอง...

Saturday, August 20, 2011

ปวัตตน์จินต์ ๐๐๐๐๑

         หมู่มวลชีวิตมากหลากสิ่ง ต่างพากันเดินวิ่งกลิ้งหมุนไปตามกระแสโลกที่เปลี่ยนแปรผันไป หนึ่งนั้นอันนับว่าเจ้าโลกต่างแย่งกันแบ่งโศกสุขกั้น... หันมองผ่ามือที่เหยียดหงายคลายยืดออก ใครกล้าบอกว่าหลังมืออยู่ตรงหน้าที่ว่าบน... แน่นอนทุกคนย่อมรู้ว่าหลังมือก็อยู่ล่าง ฝ่ามืออยู่ด้านบน ที่ว่ารู้ก็รู้ตามที่โลกเขาสมมติให้ไว้ว่าอาการอย่างนี้เรียกว่าหงายเรียกว่าคว่ำ มนุษย์เรานั้นเป็นอันเกือบหมดเข้าใจว่าตัวเองรู้นั่นรู้นี่ แต่จริงแล้วต่างไม่รู้นั้นไม่รู้นี่อ่ย่างแท้จริง จะขอสมมติสิ่งนี้เป็นคำพูดให้ว่า "รู้แต่ไม่เห็น เป็นแต่ไม่ทำ" นี่คือคนเราโดยมากเป็นกันแบบนี้ ก็เป็นเรื่องปกติอีกนั่นแหล่ะ